หลายคนชอบการไปเที่ยว ชอบการไปนั่งจิบกาแฟในร้านออกแบบสวย แต่ในทุกวันของชีวิตคนเรา เกิน 1 ใน 3 เราย่อมใช้ชีวิตไปกับการทำงาน ทำไมล่ะ เราจะไม่เปลี่ยนสถานที่ที่เราใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตให้เป็นอย่างที่เราอยากให้มันเป็น แม้ว่าส่วนหนึ่งในยุคปัจจุบันค่าที่ดินจะแพงขึ้นตลอดเวลา ทำให้ออฟฟิศก็มีพื้นที่จำกัดไปด้วย แต่วันนี้เรามีเทคนิคให้ออฟฟิศเดิมของคุณรู้สึกกว้างขึ้นได้ เราลองไปดูกัน
1. ใช้กระจกเพิ่มความกว้างของห้อง
เป็นเทคนิคมายากลที่ใช้ได้ผลในทุกที่ ไม่ว่าจะในลิฟต์ หรือกับการตกแต่งห้อง ควรเป็นกระจกใสบานใหญ่ ยิ่งไม่มีรอยต่อยิ่งหลอกความรู้สึกได้ เลือกผนังด้านที่เหมาะสมเพื่อที่จะติดกระจกด้านเดียว (ถ้าติดกระจกสองด้านจะรู้สึกมึนงงมากกว่ารู้สึกกว้าง) หากต้องการความครีเอทีฟไม่ควรติดกระจกด้านหลังคนทำงาน เพราะบางทีอาจกำลังเปิดเว็บที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้เพื่อหาไอเดียอยู่ก็ได้
2. ให้เพดานสูง ถ้าไม่ได้ทำฝ้าก็ปล่อยเพดานเปลือย
สเปซแรวราบของออฟฟิศเราไม่สามารถเพิ่มได้ง่ายๆ แต่ถ้าเป็นสเปซแนวตั้ง…ก็ไม่แน่ สำหรับเพดานออฟฟิศส่วนใหญ่มักจะติดฝ้าเพดาน แต่ถ้าเกิดออฟฟิศของคุณฝ้าไม่เรียบร้อย หรือยังไม่ทำให้สวยงาม ก็คุ้มอยู่ที่จะเสี่ยงเลอะฝ้าออกไปเลยแล้วทำความสะอาดให้ดี หรือจะทาสีให้เรียบร้อยก็ดูดีได้เช่นกัน แต่ก่อนเลาะฝ้าออก แนะนำให้คุณสำรวจการเดินสายไฟใต้ฝ้าก่อนว่าเรียบร้อยพอจะโชว์เปลือยหรือไม่
3. ใช้โต้ะร่วมกัน
การมีโต๊ะส่วนตัวก็เป็นเรื่องที่ดี แต่อีกไอเดียหนึ่งที่สามารถประหยัดสเปซลงไปได้อีก คือการใช้โต้ะใหญ่ร่วมกันหลายคน อาจจะเป็น share seat นั่งตรงไหนก็ได้ fix seat โดยไม่ต้องเสียพื้นที่ให้พาทิชั่น ช่วยให้ออฟฟิศของคุณเหลือพื้นที่มากขึ้น
4. ใช้ Whiteboard ติดผนัง
นอกจากไม่ต้องมีพื้นที่วางกระดานแล้ว ยังดูทันสมัย อีกทั้งสนุกสนานอีกต่างหาก ช่วยให้บรรยากาศในการ brainstorm ดูน่าคึกคักมากขึ้น หลายออฟฟิตทำผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกก็สามารถจะใช้ปากกาไวท์บอร์ดเขียนได้ แถมยังใหญ่ ลบง่ายและคงทนอีก แต่ถ้ามีอะไรสีขาวรองอยู่หลังกระจกก็จะดี เพราะช่วยให้มองเห็นได้ง่ายขึ้นมากกว่าโปร่งแสง
5. เฟอร์นิเจอร์ Multi-Function
พยายามซื้อเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์สำนักงานที่เป็นมัลติฟังก์ชันไว้ก่อนจะช่วยลดพื้นที่วางของ เช่น แทนที่จะวางปริ๊นเตอร์/สแกนเนอร์/แฟ็กซ์ แยกกัน ก็ซื้อ All-in-One เครื่องเดียวไปเลย หรือโซฟาที่ปรับเป็นที่เก็บของได้ด้วย โต๊ะที่สามารถยืดขยายได้เพื่อรองรับคนประชุมที่มากขึ้น
6. งานศิลปะช่วยดึงอารมณ์
ศิลปะเป็นการลงทุนที่ไม่ได้ฟังก์ชันโดยตรงแต่ได้ผลตอบแทนทางอารมณ์ของคนที่อยู่ใกล้ ถ้าออฟฟิตของคุณดูโล้นเกินไปและไม่มีชีวิตชีวา ลองติดกรอบรูปขนาดใหญ่มีรูปที่ทำให้เห็นแล้วเกิดแรงบันดาลใจ หรือรูปที่เท่ๆ ไม่ต้องมีความหมายมากนักก็สามารถช่วยได้
7. ไร้สายช่วยได้เยอะ
ออฟฟิตสมัยนี้จะไม่ใช้คอมพิวเตอร์ของไม่มีแล้ว และแน่นอนว่าคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ก็ต้องใช้ระบบเน็ตเวิร์คอย่างน้อยก็คืออินเตอร์เน็ต ถ้าออฟฟิตไหนลงทุนเรื่องระบบเน็ตเวิร์คไร้สายไว้ดี นอกจากจะไม่ต้องรำคาญตากับสายที่ระเกะระกะแล้ว ยังทำความสะอาดง่าย ไม่เฉพาะคอมที่ไร้สายแต่ปริ้นเตอร์และลำโพงก็ไร้สายได้ด้วย การติดปลั้กไฟไว้หลายจุดก็ช่วยลดการใช้ปลั้กพ่วงได้เช่นกัน
8. เพิ่มสีเขียวในออฟฟิศ
ต้นไม้เล็กๆ ช่วยสร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาให้ออฟฟิศ เลือกต้นไม้สวยๆ ที่ไม่ต้องดูแลมากและไม่ต้องโดนแดดจัด จะช่วยให้ออฟฟิศอุดมสมบูรณ์ได้มากขึ้น การมองสีเขียวธรรมชาติก็เป็นการผ่อนคลายสมองของคนในออฟฟิศได้อีกด้วย
9. ใช้พื้นที่แนวตั้งเก็บของให้คุ้ม
ทั้งเวลาไปดูคอนโดตัวอย่าง หรือออฟฟิศตัวอย่าง เรารู้สึกว่าดูดีจัง ส่วนหนึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าห้องตัวอย่างไม่มีของใช้จากในชีวิตจริง พอเราใช้งานจริงไม่ว่าอยู่อาศัยหรือทำออฟฟิศ ย่อมมีของใช้เยอะกว่าห้องตัวอย่างมากมาย ถ้าหากเราอยากให้ห้องของเราดูดีเหมือนเดิมก็ต้องจัดเก็บของให้เรียบร้อย แต่การจัดเก็บแนวราบก็รั้งแต่จะทำให้เนื้อที่ใช้สอยประโยชน์น้อยลง ลองลงทุนเพื่อติดตั้งตู้เก็บของติดกำแพงดู จะช่วยให้คุณสามารถเก็บของได้อีกเยอะมาก โดยที่ไม่รู้สึกว่าห้องแคบลงแต่อย่างใด สำหรับการทำออฟฟิศอย่าลืมดูด้วยว่าตู้สามารถรับน้ำหนักได้แค่ไหน มีคานช่วยในการกระจายน้ำหนักรึเปล่า
10. ทำลายกำแพง
ห้องที่ยิ่งเล็กอยู่แล้ว ถ้ามีการกั้นห้องแบ่งห้องมากแค่ไหน ก็จะยิ่งรู้สึกเล็กลงมากขึ้นไปอีก ส่วนที่มักจะนิยมกั้นกันมากที่สุด คือ ห้องประชุม และห้องผู้บริหาร เพื่อการประชุมที่ไม่ต้องเกรงใจใคร ห้องประชุมนั้นควรจะกั้นให้สามารถเก็บเสียงได้ คุณสามารถเลือกใช้กระจกใสมาทำผนังห้องประชุม เพื่อให้เสียงไม่ดังออกมาภายนอก แต่ว่ายังรู้สึกโปร่งโล่งสบายตาเหมือนเดิม
11. หน้าต่าง-ผนังกระจก มองกว้างภายนอก
แม้ว่าออฟฟิศจะเล็ก แต่ถ้ามีมุมที่สามารถมองออกไปข้างนอกได้ ก็จะช่วยลดความอึดอัดจากการอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมลงไปได้เยอะมาก หลายออฟฟิศทำผนังขอบเป็นกระจกเต็มบานก็ยิ่งดูโปร่งมากเข้าไปอีก แต่สำหรับเมืองไทยที่แดดร้อนสุดๆ คุณอาจต้องพิจารณาทิศทางแดดเช้า-บ่าย รวมถึงการติดฟิลม์กรองแสง ไม่อย่างนั้นทุกคนอยากเห็นวิว แต่คงไม่มีใครอยากนั่งร้อนใกล้กระจกตากแดดแน่ๆ
12. เก้าอี้ทำงาน สำคัญไม่น้อยกว่าเฟอร์นิเจอร์ใดๆ
ถึงแม้เก้าอี้จะไม่ใช่ส่วนสำคัญในการทำให้ห้องกว้างขึ้น แต่เก้าอี้จัดเป็นอุปกรณ์สำคัญที่สุดที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อคุณลงทุนกับออฟฟิศ เพราะคนทำงานนั้นต้องอยู่กับเก้าอี้ทำงานวันละหลายชั่วโมง เก้าอี้จึงเป็นสิ่งที่สะท้อนกับสุขภาพผู้ทำงานโดยตรง สามารถทำให้เป็นออฟฟิศซินโดรมได้ง่ายขึ้นถ้าเกิดระยะเก้าอี้กับโต้ะไม่ดีพอ สุดท้ายก็ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง การลงทุนในเก้าอี้ที่ปรับระดับสูงต่ำได้มีซัพพอร์ตที่ดี จึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาไม่ต่างจากทุกข้อเมื่อต้องการลงทุนในออฟฟิศ
อ้างอิง : https://www.iurban.in.th/design/smallofficedesignbigger/